Wednesday

ผมพบแล้ว !!


“ วันไหนไม่ได้กินเหล้าดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องผิดปกติ”

จ.ส.ต.อัฏฐวัฒน์ สายไทย (ตุ๋ย) อายุ 47 ปี อาชีพรับราชการทหาร
ปฏิบัติงานใน โรงพยาบาลทหารในตำแหน่งเจ้าหน้าที่เภสัชกรรม
ชีวิตในวัยเด็กผมไม่ค่อยได้อยู่กับ ครอบครัวมากนัก ผมต้องจากบ้านไปอาศัยวัดอยู่
เพื่อเรียนหนังสือในเมืองสุรินทร์ตั้งแต่อายุ 8 ปี ความผูกพันในครอบครัวจึงไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก
จนถึงพ.ศ. 2516 เรียนจบชั้นมศ.3 แล้ว ก็ไม่ได้เรียนต่อ
ผมหนีออกจากบ้านไปโดยไม่ได้บอกให้ใครรู้เลยเป็นเวลาหลายปี
มาทราบภายหลังว่าทางบ้านได้ทำบุญหา เพราะคิดว่าผมคงตายไปแล้ว


ในระหว่างที่ออกจากบ้านไปนั้น ผมได้ไปทำงานหลายแห่ง
และที่สุดท้ายก่อนจะ เป็นทหารได้ทำงานในอู่ซ่อมรถที่
จังหวัดขอนแก่นเป็นเวลา 5 ปี ที่นี่เอง ผมเริ่มกินเหล้า เสพยาม้า เที่ยวผู้หญิง
แต่ที่รู้สึก ภูมิใจในตัวเองมาก คือ การกินเหล้า
เพราะมีหลายคนชมว่ากินเหล้าเก่ง กินแล้วสนุกสนาน เป็นที่ชอบใจเพื่อนๆ
และผู้ที่ร่วมวงเป็น อย่างมาก พอถึงปี 2523 อายุครบเกณฑ์ทหาร
ผมได้สมัคร เข้าเป็นทหารกองประจำการ เมื่อเป็นทหารแล้ว
ผมก็ยิ่งเป็นที่รักและชอบใจของเพื่อนๆ
รวมถึง ผู้บังคับบัญชาที่สามารถกินเหล้าได้เก่ง และสนุกสนาน
ยิ่งทำ ให้ผมมีความภูมิใจมากยิ่งขึ้น และต่อมาได้สอบ เข้าเรียนต่อ
เป็นนักเรียน นายสิบเหล่าแพทย์ เมื่อเรียนจบในปี 2526
ได้รับการบรรจุเข้ารับ ราชการที่โรงพยาบาลจังหวัดทหารบกสุรินทร์
ในช่วง 5 ปีแรก ที่รับราชการ ผม ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปในการเที่ยวเตร่ กินเหล้า
ไม่เคยคิดจะเก็บเงินเพื่อจะสร้างฐานะให้ตัวเองเลย เงินที่หามาได้
จะใช้ในการเที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายาทั้งหมด วันไหนที่ไม่ได้กินเหล้า
ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เป็นประเพณีปฏิบัติประจำในกลุ่มของเรา


ขณะนั้นจนกระทั่งปลายปี 2539 ผมได้รู้จัก กับผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งเป็นคริสเตียนผ่านทาง เพื่อน ด้วยความที่ผมเคยอยู่วัดมานาน
เรามักจะถกเถียงกันเรื่องศาสนาเสมอ ผมถามเธอว่าทำไมต้องเป็นคริสเตียน
แต่เธอไม่ตอบกลับชวน และท้าทายผมให้ไปหาคำตอบเอาเอง

ในความรู้สึกของผม ตอนนั้น คิดว่าโบสถ์คริสต์ คงจะอึมครึมน่ากลัว
คงจะมีฝรั่งหรือคน ต่างชาติมากมาย เป็น สถานที่ที่ไม่น่าไว้วางใจ
เป็นความรู้สึกที่คิดเอา เองทั้งนั้น เพราะไม่เคยไป ไม่เคยเห็น
แล้ววันหนึ่งผมก็ได้มีโอกาสไปโบสถ์ กับเธอ
ผมไม่ต้องการจะได้รับคำตอบอะไร เพียงแต่อยากจะไปจับผิดเขา
เพราะในใจรู้สึกต่อต้าน ที่คนไทยไปเป็นคริสเตียน
แต่บรรยากาศในโบสถ์ไม่ได้เป็นเหมือน อย่างที่ผมคิดเลย
เพราะว่าเป็นคนไทยเกือบทั้งหมด ยกเว้น ฝรั่ง 2 คน ซึ่งพูดไทยได้อย่างชัดเจนอีก
มีคนออกมาต้อนรับยกมือไหว้ เชิญเข้า ไปนั่งในห้องประชุม
และหลายคนเข้ามาสวัสดี ทักทาย ด้วยท่าทีที่ถ่อม สุภาพ
ทั้งๆ ที่วันนั้นผม ยังมีอาการเมา และมีกลิ่นเหล้าติดไปด้วย
ยังได้ รับเกียรติจากพี่น้องที่นั่นโดยที่ไม่มีใครแสดงความรังเกียจแต่อย่างใดเลย
เป็นความ รู้สึกอบอุ่น และประทับใจอย่างมาก ที่ไม่เคยได้รับจากที่อื่นมาก่อน
เห็นบรรยากาศแห่งความรัก ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ทำให้ความคิดที่จะมาจับผิดนั้นหมดไป

“ไม่อายเขาหรือ ที่ลูกไปเชื่อพระเยซู ขณะที่พ่อเป็นเจ้าอาวาสวัด”
พ่อก็ตอบว่า “ไม่เห็นจะต้องอายอะไร เพราะเขาเชื่อพระเยซูแล้ว
เขาเลิกกินเหล้า เขาไม่ได้ทำชั่วอะไร ชีวิตก็ดีขึ้น พ่อยินดีด้วย!! ”


หลังจากนั้น ผมได้มีโอกาสศึกษาเรื่องราวของพระเยซู
และพบความจริงว่า พระเยซูเป็นพระเจ้า มีฤทธิ์อำนาจสูงสุด
สามารถ ช่วยผมและทุกคนที่เชื่อ ให้รอดพ้นจากบาปได้
พระองค์ประทานสันติสุขให้ กับผู้ที่เชื่อและวางใจ ในพระองค์ทุกคน
ผมได้ตัดสินใจรับเชื่อในองค์พระเยซูเมื่อเดือนเมษายน ปี 2531 และเลิกดื่มเหล้า
เลิกประพฤติไม่ดีที่กล่าว มาแล้วทั้งหมด
เพราะเกิดความรู้สึก เกลียด ขยะแขยง ไม่อยากจะทำอีกเลย
ผมไปบอกกับเพื่อนๆ พ่อแม่และญาติพี่น้อง
เรื่องนี้แต่ได้รับการปฏิเสธจากเพื่อนหลายคน
แต่พ่อไม่ได้ว่าอะไร มีบางคนต่อว่า บางคน บอกว่าจะไม่คบกับผมอีก
แต่ผมบอกกับเพื่อนว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องเลิกคบกัน
เพราะผมไม่ได้ทำผิด ไม่ได้ทำชั่วเพื่อนน่าจะยินดีด้วย
ที่เพื่อนคนนี้เลิกเหล้าและสิ่งที่ไม่ดี ต่างๆ ได้
ในเวลานั้น พ่อของผมเป็นเจ้าอาวาส วัดอยู่ มีญาติโยมหลายคนถามพ่อว่า
“ไม่อาย เขาหรือที่ลูกไปเชื่อพระเยซูขณะที่พ่อเป็นเจ้า อาวาสวัด”
พ่อก็ตอบว่า ไม่เห็นจะต้องอายอะไร เพราะเขาเชื่อพระเยซูแล้ว
เขาเลิกกินเหล้า เขาไม่ได้ทำชั่วอะไร ชีวิตก็ดีขึ้น พ่อยินดีด้วย !!

พระเยซูมีฤทธิ์อำนาจจริง พระองค์เป็น ทางนั้นเป็นความจริงและเป็นชีวิต
เมื่อมีปัญหา ในชีวิตหรือการงาน ผมอธิษฐานขอการช่วยเหลือจากพระองค์ได้
การเชื่อพระเยซูนั้น ท่าน จะต้องเชื่อประสบพบด้วยตัวเอง
ไม่สามารถ เชื่อแทนกันได้ เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละบุคคล และผมได้พบแล้ว!

แหล่งที่มา เสียงนักธุรกิจชายนานาชาติ

Labels: , , , , , ,


This page is powered by Blogger. Isn't yours?